คงไม่มีคนไหนที่ไม่ชอบทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสิ่งที่คนนิยมซื้อเพื่อสะสม ลงทุน และเก็งกำไร การที่หลาย ๆ คนเลือกลงทุนทองคำมีเหตุผลหลายอย่างด้วยกัน เช่น การเปลี่ยนเงินออมให้เป็นทรัพย์สินเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง การลงทุนในทองคำจึงเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างผลตอบแทนที่ดี และอาจทำกำไรระยะสั้นได้สูงอีกด้วย แต่ปัจจุบันราคาทองคำมีความผันผวนมาก นักลงทุนต้องศึกษา ทั้งเรื่องราคาและการเก็บรักษา
ทองคำถือเป็นตัวชี้วัดถึงความมั่งคั่งของตัวบุคคลและเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากว่าทองคำอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ในด้านความงดงาม ความคงทน ความหายาก และการที่คุณสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วน ทองคำไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมเท่านั้น ยังสามารถเก็บออมไว้เพื่อความมั่งคั่งในระยะยาวได้อีกด้วย
ปัจจุบันนี้คนจึงหันมาลงทุนในทองคำกันมากขึ้นด้วยการหันมาซื้อทองคำแท่งมากกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากว่าทองคำแท่งสามารถซื้อขายได้คล่องกว่าทองรูปพรรณและที่สำคัญทองคำแท่งไม่มีค่ากำเหน็จ
ก่อนที่จะลงทุนในทองคำแท่งนั้น ก็มีเรื่องให้คุณต้องคำนึงถึงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทองคำที่มีความผันผวน เรื่องของการเก็บรักษา เนื่องจากว่าการซื้อทองคำมาเก็บไว้ที่บ้านก็จะมีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อ และเมื่อเราจะนำไปขายเราก็ต้องมานึกถึงราคาตอนที่เราซื้อมาด้วยว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยอย่างไร
เริ่มต้นลงทุนทองคำ
เราสามารถลงทุนได้ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ และสิ่งแรกที่จำเป็นต้องรู้คือ น้ำหนักของทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ แม้จะนับเป็นทอง “1 บาท” เท่ากัน แต่น้ำหนักจริงไม่เท่ากัน โดยทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม ส่วนทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม ทำให้ทองคำทั้งสองแบบที่ความบริสุทธิ์เท่ากันมีราคาต่อ 1 บาทไม่เท่ากันไปด้วย
การลงทุนในทองคำแท่งจะมีการกำหนดในการซื้อขั้นต่ำ แต่จะไม่มีค่ากำเหน็จราคาจึงถูกกว่าทองคำรูปพรรณ เวลาเรานำไปขายก็จะทำกำไรได้มากกว่าทองรูปพรรณ โดยทองคำแท่งจะเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในทองอย่างจริงจัง การลงทุนในทองคำแท่งจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ ความบริสุทธิ์ 96.5% และ 99.99% ซึ่งบ้านเรานิยมลงทุนในประเภทแรกมากกว่าและนิยมซื้อขายกันในขนาดตั้งแต่ 5 บาท, 10 บาท, 20 บาท และ 50 บาท
การลงทุนในทองคำรูปพรรณสามารถซื้อตามน้ำหนักที่ต้องการได้เลย คุณสามารถเลือกลวดลายและนำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับได้ในระหว่างที่ถือครอง แต่มีข้อเสียคือมีค่ากำเหน็จ นอกจากนี้ยังสามารถสึกกร่อนได้ เมื่อนำไปขายคืนจะถูกหักค่าเสื่อมประมาณ 5% จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว หรือเป็นมรดกตกทอดมากกว่าการลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น
ซื้อทองคำยังไงให้ดูเป็น รูปแบบการลงทุนทองคำ
- การลงทุนโดยตรงผ่านการซื้อทองคำจากร้านที่ได้มาตรฐาน
คุณสามารถซื้อทองคำได้ด้วยตัวเองจากร้านทองได้เลย โดยร้านทองจะให้คุณเลือกเก็บในรูปแบบของสัญญาถือครองหรือตั๋วทอง หรือซื้อทองคำมาเก็บรักษาเอง ในกรณีที่ซื้อทองคำแท่งน้อยกว่า 5 บาท คุณจะต้องเสียค่าบล็อกในราคา 2% ของราคาทอง
ปัจจุบันนี้คุณสามารถซื้อทองในรูปแบบการเก็บออมได้โดยร้านทองจะให้คุณซื้อทีละน้อย ๆ แต่คุณต้องซื้อขั้นต่ำในราคาเดือนละ 1000 บาท จำนวนทองที่คุณได้หรือปริมาณทองจะขึ้นอยู่กับราคาตลาดในวันที่คุณออม การออมลักษณะนี้จะให้คุณเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ จนครบบาทถึงจะถอนออกมาได้ หรืออาจจะขายคืนเป็นเงินสดเพื่อทำกำไรได้
- การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ
การลงทุนผ่านกองทุนรวมคุณไม่ต้องเดินทางไปซื้อทองคำที่ร้านทองด้วยตัวเอง สามารถติดต่อผ่านกองทุนที่คุณต้องการจะลงทุนได้เลย ซึ่งกองทุนรวมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเงินไปลงทุนในทองคำแทน ซึ่งก่อนลงทุนจะต้องศึกษาให้ละเอียดเนื่องจากว่าจะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการและการถือครองด้วย
ในการลงทุนผ่านกองทุนรวมคุณไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ เพราะแต่ละกองทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องการลงทุนให้อยู่แล้ว เป็นวิธีที่ง่ายและใช้งบน้อย การลงทุนในกองทุนรวมผลตอบแทนจะมาในรูปของเงินปันผล ซึ่งจะมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% หากมาในรูปแบบของกำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุน คุณไม่ต้องเสียภาษี
ในกรณีที่คุณเป็นมือใหม่หัดลงทุน คุณจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลาตามปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนจะต้องศึกษาให้รอบคอบแล้วค่อยตัดสินใจเลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือในการนำเงินมาลงทุนนั้นคุณควรจะใช้เงินเย็น ซึ่งหมายถึงเงินที่ไม่ได้จำเป็นต้องนำไปใช้อะไร เพราะว่าการใช้เงินเย็นจะช่วยให้ลงทุนเพื่อเกร็งกำไรได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น อาจจะต้องขายทองคำแบบขาดทุนหรือได้กำไรน้อยกว่าที่ควรเพื่อนำเงินมาหมุน
บทสรุป
ลงทุนทองคำ เป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนซึ่งหมายถึงกำไรหรือเงินปันผลได้อย่างคุ้มค่า แต่คุณจะต้องเลือกรูปแบบการลงทุนให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยการซื้อจากร้านโดยตรง หรือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบ ท่านจะต้องใช้เงินเย็นในการลงทุน วัตถุประสงค์เพื่อการเก็งกำไรได้อย่างเต็มที่