คนจำนวนไม่น้อยเจอปัญหาอาการเสียวฟัน โดยมักจะมีต้นเหตุที่เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มร้อน เย็น หวาน หรือเปรี้ยว เข้าไป ภายใต้สภาวะปกติ รอบ ๆ เนื้อฟันแนวรากของฟัน (ชั้นที่อยู่ล้อมรอบเส้นประสาท) ที่เคลือบด้วยสารเคลือบฟันในตัวฟันแล้วก็เหงือกที่ ล้อมรอบฟัน เมื่อเวลาผ่านไป สารเคลือบฟันดังกล่าวสามารถบางลง นั่นก็เลยทำให้การป้องกันลดลง
รวมทั้งเหงือกยังอาจร่นได้ตลอดเวลา เผยให้มองเห็นผิวรากฟันที่อยู่ใต้เนื้อฟัน เนื้อฟันมีปริมาณรูหรือท่อที่เชื่อมต่อจากด้านนอกของฟันไปที่ศูนย์กลางเส้นประสาท เมื่อเนื้อฟันเผยออกมา ท่อเหล่านี้จะอาจถูกกระตุ้นจากความเคลื่อนไหวของอุณหภูมิหรืออาหารบางประเภท
สาเหตุเกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างดังนี้
- ภาวะเหงือกร่นเนื่องจากว่าอายุ หรือการขัดฟันที่ไม่เหมาะสม
- เครื่องดื่มที่เป็นกรด (ดังเช่น น้ำโซดา) ที่นำมาซึ่งการกัดกร่อนเคลือบฟันและก็การเผยของเนื้อฟัน
- การบดฟัน – ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการรู้สึกเสียวแปลบ ทั้งหมดของฟัน
- การขัดฟันด้วยยาสีฟันด้วยการขัดเช็ดมาก ๆ การขัดฟันผิดวิธี หรือ การขัดฟันมากกว่าสามครั้งต่อวัน อาจก่อให้มีการสูญเสียของสารเคลือบฟัน
- โรคเหงือก ซึ่งอาจมีผลทำให้เหงือกร่นได้
- ฟันบิ่นหรือหักอาจจะส่งผลให้เผยให้เห็นเนื้อฟัน
วิธีแก้อาการเบื้องต้นทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. แปรงฟันให้ถูกวิธี โดยแปรงจากโคนฟันไปทางปลายฟัน และก็แปรงทั้งภายนอก และภายในของฟัน แปรงฟันซี่ละ 4-5 ครั้ง รวมทั้งอย่าลืมสอดแปรงเข้าไปถึงฟันซี่ในสุดด้วย นอกจากนั้นควรที่จะใช้แปรงสีฟันขนอ่อน เพื่อลดอาการเหงือกร่น ซึ่งบางทีอาจเพิ่มอาการให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้
2. ควรจะเลือกทานอาหารที่มีรสชาติพอเหมาะพอควร ไม่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดจนเกินไป รวมทั้งอาหารที่ไม่แข็ง หรือเหนียวจนเกินไป เนื่องจากว่าอาจทำให้ฟันที่อาจจะไม่ค่อยแข็งแรงมากอยู่แล้ว มีการเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากอาหารรสเปรี้ยวที่เป็นกรดทำลายผิวเคลือบฟัน ที่อาจจะส่งผลให้ฟันสึกกร่อน หรือฟันผุได้ในเวลาต่อมา และการโยกคลอนของโคนฟัน และก็เหงือกจากการบดอาหารที่เหนียวหรือแข็งเกินไป
3. การใช้ยาสีฟันที่มีสารที่ลดอาการ ได้แก่ strontium chloride และ potassium nitrate ที่ทำหน้าที่อุดช่องเชื่อมต่อเล็ก ๆ ที่มีอยู่ระหว่างผิวฟันกับเส้นประสาทฟัน ทำให้เส้นประสาทมีความไวต่อการถูกกระตุ้นลดลง แต่สารเหล่านี้สามารถลดอาการที่เกิดขึ้นจากฟันสึกถึงเนื้อฟัน แล้วก็ฟันที่เหงือกร่นจนกระทั่งเคลือบรากฟันได้เท่านั้น ไม่สามารถปรับปรุงอาการที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุอื่น ได้แก่ โรคเหงือก หรือฟันผุได้ ซึ่งส่วนมากอาการมักมาจากเหตุผลทั้งคู่อย่างหลังนี้
4. การใช้เลเซอร์เพื่ออุดปิดท่อเนื้อฟัน ถ้าอาการมาจากอาการฟันสึก กร่อน โดยจะใช้เลเซอร์เพื่อกรอฟัน รวมทั้งอุดฟันด้วยเครื่องเลเซอร์ทางทันตกรรมหรือเออร์เบี่ยมแยคเลเซอร์ (Er-Yag Laser) ที่ส่งผลให้เกิดเลือดไหลน้อย และไม่รู้สึกร้อน หรือกระเทือนขณะกรอฟัน
5. เคลือบฟันด้วยซีลแลนท์ (Sealant) เป็นการเคลือบฟันเพื่อป้องกันฟันผุรวมทั้งลดอาการ โดยมากมักจะทำรอบ ๆ ฟันด้านบดเคี้ยวของฟันกราม สารซีลแลนท์มีลักษณะเป็นของเหลว และก็มีส่วนผสมของสารคลอเฮกซิดีน และก็สารอื่น ๆ ที่ช่วยลดอาการ และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อในโพรงปาก ป้องกันคราบอาหารติดตามฟัน แต่ต้องเป็นฟันที่ไม่มีอาการผุ ถ้าเกิดพบว่าฟันผุจำเป็นจะต้องกรอแล้วก็อุดฟันซี่นั้นเสียก่อน แล้วจึงทำการเคลือบฟันได้ แต่ถ้าเคลือบฟันแล้ว ควรจะพบหมอฟันเป็นประจำทุกเดือน หรือทุก ๆ สามเดือน เพราะว่ามีโอกาสที่สารเคลือบฟันผุกร่อน หรือหลุดระหว่างใช้งานได้
วิธีการรักษา
แรกสุดคือการพบหมอฟัน อาการสามารถรักษาให้หายได้ หมอฟันอาจจะสั่งเจลฟลูออไรด์สำหรับแปรงฟัน หรือน้ำยาบ้วนยาฟลูออไรด์ให้ คุณอาจจะทดลองใช้แปรงสีฟันที่ลดแรงเสียดทานสำหรับคนที่มีลักษณะอาการโดยยิ่งไปกว่านั้น ควรจะขอคำแนะนำหมอฟันว่าผลิตภัณฑ์ลดการชนิดไหนที่เหมาะสมกับคุณ พึงระวังในการแปรงฟันให้ถูกเพื่อไม่ให้ฟันเสียจนเกิดอาการ การแปรงที่แรงเกินไป การรัดของฟันปลอม และก็ลวดดัดฟันสามารถส่งผลให้เกิดการเสียดสีรวมทั้งทำลายผิวฟันได้