วิ่งมาราธอน คือ การแข่งขันการวิ่งในระยะยาว ซึ่งระยะทางที่เป็นระดับสากลคือ 42.195 กิโลเมตร โดยการจัดงานมักจัดการวิ่งแข่งบนถนนที่มีระยะทางตามกำหนด การแข่งวิ่งนี้มาจากนายทหารชาวกรีก ที่ชื่อ “Pheidippides” ที่ต้องการวิ่งเพื่อไปส่งข่าวสงครามซึ่งต้องวิ่งผ่านที่ราบ “มาราธอน” จนถึงกรุงเอเธนส์ และโอลิมปิกครั้งแรกได้กำหนดให้วิ่ง 40 กิโลเมตร และมาเปลี่ยนเมื่อโอลิมปิกครั้งที่ 4 เพื่อให้กษัตริย์อังกฤษได้ทรงทอดพระเนตรเห็นได้ชัดขึ้นจึงต้องเลื่อนจุดสตาร์ท
ปัจจุบันนี้ Full Marathon จะมีระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางมาตรฐาน จัดการแข่งขันในระดับนานาชาติทั่วโลก โดยจะมีทั้งนักวิ่งที่วิ่งเป็นประจำ และนักวิ่งมือสมัครเล่น ผู้วิ่งจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนและเตรียมความพร้อมให้ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนการไปแข่งวิ่งมาราธอน
นักกีฬาที่จะลงวิ่งมาราธอนควรผ่านการวิ่ง Half marathon ซึ่งมีระยะทาง 21 กิโลเมตรก่อน โดยเป็นระยะทางที่นักวิ่ง
หลาย ๆ คนชอบ และควรวิ่งมาอย่างน้อย 2 รายการ นักกีฬาที่เคยวิ่ง Half marathon มาก่อนจะรู้ดีว่า ก่อนเข้าเส้นชัยนั้นจะมีความทรมานหนักหน่วงระดับไหน เรียกได้ว่ากว่าจะกัดฟันวิ่งไปจนถึงเส้นชัย นับเป็นช่วงเวลาที่ทรมานสุด ๆ ซึ่งหลายคนไม่อยากเจอ
การวิ่งมาราธอนนี้ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนมีเป้าหมายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายในการวิ่งมีผลต่อจิตวิทยาในจิตใจของมนุษย์ ดังนั้นผู้ที่วิ่งจึงควรที่จะหาเป้าหมายของการวิ่งให้เจอ แต่บางคนออกวิ่งก็เพื่ออยากเจอชีวิตใหม่ สังคมใหม่ บางคนอยากเอาชนะตัวเองเพื่อก้าวข้ามออกจากจุดปลอดภัย และพร้อมหาความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับชีวิต
การวิ่งมาราธอนครั้งแรกควรเตรียมตัวอย่างไร
ในการวิ่งมาราธอนนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความอดทด นักวิ่งจะต้องใช้เวลาในการฝึกวิ่งซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 12 – 16 สัปดาห์ เพื่อฝึกซ้อม แต่สำหรับผู้ที่เริ่มวิ่งครั้งแรกควรมีเวลามากกว่า 16 สัปดาห์ และควรวิ่งประมาณ 1.75 – 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้ฝึกแบบผ่อนคลายไม่หนักจนเกินไป แต่ถ้ามีเวลาแค่ 12 สัปดาห์ ควรวิ่ง 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นและควรวิ่งเป็นประจำ
ในการฝึกวิ่งนั้นควรจะเพิ่มเวลา 10 -15 นาที ไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้วิ่งเกิดความเจริญก้าวหน้า โดยที่จะต้องไม่ลืมว่าการพักก็เป็นเรื่องสำคัญ หากหักโหมมากเกินไปร่างกายคุณอาจเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้
ในเรื่องอาหารการกินนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญ นักวิ่งควรทานอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ 3 – 4 ชั่วโมง ก่อนการวิ่งควรทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ไฟเบอร์ต่ำ เพื่อป้องกันระบบการย่อยอาหารที่จะทำงานแปรปรวน และเมื่อซ้อมเสร็จหลังจากวิ่ง 30 – 60 นาที ควรทานอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เพื่อที่จะได้ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และที่ลืมไม่ได้เลยคือต้องดื่มน้ำทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากวิ่งเสร็จ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
สัปดาห์สุดท้ายก่อนลงสนาม
ความรู้สึกแย่ ๆ จะหวนกลับมาอีกครั้ง ความกังวล ว่าเราพร้อมหรือยัง เราซ้อมมามากพอไหม ซึ่งหากคุณมีเวลามากพอ เราขอแนะนำให้คุณใช้เวลา 1 สัปดาห์ก่อนการแข่งขันทำการทดสอบตัวเอง ด้วยการวิ่งจริงโดยเริ่มจากตื่นนอนก่อนการวิ่ง 3 ชั่วโมง รับประทานอาหารตามที่จะกินในวันจริงแล้วเริ่มซ้อมวิ่งตามเวลาจริง และเมื่อวันสุดท้ายก่อนลงสนามมาถึงคุณจะต้องผ่อนคลายและทำจิตใจให้สงบพร้อมรอวันลงแข่งขันในวันรุ่งขึ้น
อุปกรณ์สำหรับการวิ่งมาราธอน
- ผ้าคาดหัวคือหนึ่งในอุปกรณ์ที่คุณควรมี เพราะการวิ่งท่ามกลางแสงแดดย่อมทำให้เหงื่อไหลจนคุณแสบตาได้ ผ้าคาดหัวจึงช่วยปกป้องไม่ให้เหงื่อเข้าตาได้
- ยกทรงเพื่อการออกกำลังกายของผู้หญิง ที่สร้างจากวัสดุดูดซับแรงที่มอบความสบายให้แก่ผู้หญิง ช่วยกระชับทรวงอกไม่ให้เคลื่อนไปมาจนหย่อนคล้อย
- กระเป๋าคาดเอวแบบบางที่ทำจากผ้า Spandex เอาไว้สำหรับใส่สิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ
- ในกรณีที่นักวิ่งต้องการดื่มน้ำบ่อย เพราะกลัวขาดน้ำระหว่างแข่ง แนะนำให้ท่านมีกระติกน้ำแบบสวมข้อมือ ซึ่งจะช่วยให้คุณดื่มน้ำโดยไม่ต้องใช้มือจับ เพียงแค่ยกข้อมือแล้วดื่มได้เลย
- การวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งระยะทางอันยาวไกล อาจทำให้ผิวของคุณเสียดสีกับเหงื่อ เสื้อผ้าที่สวมใส่จนบางครั้งอาจทำให้เกิดผื่นผุพอง ซึ่งนักวิ่งนิยมใช้ปาล์มป้องกันเนื้อเสียดสี โดยนำมาทาถูเท่านั้น และสามารถใช้ได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย โดยไม่เสียดสีขณะวิ่ง
- สำหรับหนุ่ม ๆ นักวิ่งนั้นกางเกงกระชับกล้ามเนื้อจะช่วยห่อหุ้มของสงวนเอาไว้ได้อย่างดี และยังช่วยให้ระบายความร้อนได้ดี สามารถควบคุมกลิ่นและป้องกันการเสียดสีของขาหนีบได้ด้วย
- หลังจากการวิ่ง นักวิ่งทั้งหลายต้องเจอกับอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างแน่นอน ไม้นวดตัวถือเป็นอุปกรณ์
ง่าย ๆ ที่จะช่วยคุณได้
บทสรุป
การวิ่งมาราธอน เป็นกีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแรง ความทนทานของกล้ามเนื้อ และความอดทนของตัวนักกีฬาเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการวิ่งเพื่อที่คุณจะได้ประสบความสำเร็จในการวิ่ง ซึ่งคุณจะต้องตั้งเป้าหมายของคุณเอาไว้แล้วไปให้ถึงเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้ เพื่อการเอาชนะตัวเองให้ดีที่สุด