เกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) คือภาวะที่ผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดจำนวนน้อยกว่า 150,000เกล็ดต่อไมโครลิตร โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำมักจะมีอาการฟกช้ำดำเขียวหรือเป็นจุดจ้ำๆ ตามผิวหนังหากรุนแรงก็จะมีอาการเลือดออกมาก โดยสาเหตุเกิดจากร่างกายผลิตเกล็ดเลือดบริเวณไขกระดูกไม่เพียงพอ หรือภูมิคุ้มกันร่างกายเกิดการทำลายเกล็ดเลือดเกล็ดเลือดต่ำเกิดจากสาเหตุอะไรและจะมีวิธีรักษาด้วยวิธีไหนเรามาศึกษาไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
สาเหตุที่ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ
โดยปกติแล้วคนเราจะมีเกล็ดเลือดอยู่ประมาณคนละ 150,000 – 450,000 เกล็ดต่อไมโครลิตรแต่ละเกล็ดจะอยู่ได้ 10 วันและจากนั้นก็จะผลิตเกล็ดเลือดขึ้นมาใหม่จากบริเวณไขกระดูกรวมถึงผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง และหากร่างไม่สามารถผลิตเกล็ดเลือดออกมาเพียงพอจะทำให้เกิดการทำลายเม็ดเลือดมากกว่าที่ผลิตออกมาและทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั่นเองและสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทด้วยกันดังนี้
1.สาเหตุจากการสร้างเกล็ดเลือด
- โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
- การสัมผัสสารเคมีบางชนิด
- โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- การเข้ารับการรักษาโดยการฉายรังสีหรือการทำเคมีบำบัดที่เป็นการรักษาโรคมะเร็ง
- การใช้ยาบางชนิด
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ร่างกายขาดแร่ธาตุและวิตามินบี12 โฟเรท และ ธาตุเหล็ก
- พันธุกรรมเช่นภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง
2.สาเหตุจากการทำลายเกล็ดเลือด
- เกิดจากโรคภูมิต้านทานตนเอง หรือโรคออโตอิมมูน
- เกิดจากภาวะ Immune Thrombocytopenia: ITP
- โรคไขข้ออักเสบหรือรูมาตอย
- โรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี
- การใช้ยาบางชนิด
3.สาเหตุจากเกล็ดเลือดถูกกักตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป
สาเหตุนี้เกิดจากม้ามที่มีหน้าที่ขจัดเชื้อโรคและเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ตายแล้วให้ออกจากกระแสเลือดซึ่งปกติแล้วเกล็ดเลือดประมาณ 1 ใน 3 จะถูกกักอยู่ตามม้ามแต่หากร่างกายมีการติดเชื้อย่างเช่นโรคมะเร็ง หรือโรคตับแข็ง เกล็ดเลือดบางส่วนจะถูกกักที่ม้ามมากเกินไปทำให้ม้ามโตส่งผลให้การไหลเวียนของเกล็ดเลือดไม่เพียงพอในกระแสเลือดและเกิดเป็นภาวะเกล็ดเลือดต่ำในที่สุด
อาการที่แสดง
สำหรับอาการที่แสดงที่บ่งบอกว่าเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำได้ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดออกแต่บางรายอาจจะไม่พบอาการจนกระทั่งมีการเจาะเลือดตรวจ อาการของผู้ป่วยจะขึ้นกับจำนวนเกล็ดเลือดเพราะหากยังมีจำนวนเกล็ดเลือดที่เพียงพอก็จะไม่แสดงอาการออกมาเท่าไหร่แต่ถ้ามีเกล็ดเลือดที่น้อยและต่ำมากจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด รวมถึงอาการต่างๆ ที่พบได้ดังนี้
- ผู้ป่วยมักจะมีรอยซ้ำสีแดง ม่วง และสีน้ำตาลกระจายทั่วใต้ผิวหนัง
- เลือดออกตามเงือกและจมูก
- ถึงแม้จะเป็นบาดแผลเล็กน้อยก็จะมีเลือดออกเป็นจำนวนมากและหยุดยาก
- ในเพศหญิงจะมีประจำเดือนมามากผิดปกติ
วิธีการรักษาเกล็ดเลือดต่ำ
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเกล็ดเลือดต่ำแพทย์จะทำการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละรายโดยการรักษาจะทำการรักษาตามอาการเช่น ในผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดต่ำไม่มาก หากเกิดบาดแผลมีเลือดไหลไม่มากอาจจะไม่จำเป็นเข้ารับการรักษา แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการเกล็ดเลือดต่ำที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาบางชนิด แพทย์จะทำการรักษาโดยการให้หยุดใช้ยาที่เป็นต้นเหตุ หรือให้รับประทานยาเพื่อยับยั้งภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ป่วยเกล็ดเลือดต่ำที่มีสาเหตุมาจากปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันแต่ในผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดต่ำมากแพทย์อาจจะทำการรักษาดังต่อไปนี้
- งดให้ใช้ยาที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดอย่างเช่นยาแอสไพริน และยาไอบูเฟน
- งดดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงได้
- หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องใช้แรงกระแทกและการปะทะที่อาจทำให้บาดเจ็บได้เช่นกีฬาฟุตบอล ศิลปะการต่อสู้เป็นต้น
- ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เลือดออกในเหงือกและไรฟันขณะที่แปรงฟัน
- สวมใส่อุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บในขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่นใส่ถุงมือหรือสวมแว่นตาในขณะที่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า คาดเข็มขัดนิรภัยในขณะที่ขับขี่รถยนต์อย่างนี้เป็นต้น
เกล็ดเลือดต่ำป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำสามารถทำแต่ก็ขึ้นกับปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำและการป้องกันเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะแอลกอฮอล์จะไปชะลอการสร้างเกล็ดเลือดต่ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่รุนแรงอย่างเช่นสารกำจัดศัตรูพืช สารเบนซีน และสารหนู เพราะจะทำให้ร่างกายชะลอการผลิตเกล็ดเลือด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการผลิตเกล็ดเลือดอาจทำให้เลือดออกหรือเลือดจางได้อย่างเช่นกลุ่มยา แอสไพริน (Aspirin) และไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
- หากต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้ อย่างเช่นวัคซีนอีสุกอีใส หัดเยอรมันและวัคซีนป้องกันโรคคางทูมเป็นต้น
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำมักจะมีภาวะเลือดออกง่าย ร่างกายมีรอยฟกซ้ำง่ายจึงเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเพราะจะต้องคอยระวังในเรื่องของการทำกิจกรรมต่างๆ เพราะฉะนั้นหากรู้ว่าป่วยเป็นโรคเกล็ดต่ำให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีงดกิจกรรมที่ทำให้เสี่ยงและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัดเพียงเท่านี้ก็จะปลอดภัยมากขึ้น